หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ฮือๆๆๆ น้องแมวไม่สบาย



น้องแมวที่บ้านเพิ่งเอามาเลี้ยง
แล้วมันโดนกันอะนอนซมเลย
จะทำไงดีมีใครบอกได้บ้าง
ฮือๆๆๆๆ ช่วยด้วย
(ไม่อยากเอาภาพเจ้าแมวตอนนี้ลง)

13 เรื่องแมว ๆ ที่คุณอาจไม่(เคย)รู้ @ บุญโตเขาใหญ่





วันนี้น้องแมวที่ร้านไม่สบายโดนแมวใหญ่กัดมาเลยมาพูดถึงเรื่องน้องแมวกัน

          หลายคนที่เลี้ยงแมวคงจะคุ้นเคยกับอุปนิสัยซุกซนและขี้เล่นของเจ้าเหมียวทั้ง หลาย แต่คุณจะรู้ไหมนะว่า เจ้าเหมียวน้อยตาบ้องแบ๊วเหล่านี้ยังมีสิ่งที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับตัวพวกมัน อีกแยะ บางคนที่เลี้ยงแมวมานานยังเกิดข้อสงสัยว่า เอ๊ะ! ทำไมมันทำแบบนั้น อ๊ะ! มันทำแบบนี้อีกล่ะ วันนี้เรามีเรื่องแมว ๆ ที่คุณอาจไม่(เคย)รู้ 13 ข้อมาบอกกล่าวผู้เลี้ยงแมวทั้งหลาย รวมทั้งมือใหม่ที่อยากจะเลี้ยงแมวด้วยค่ะ ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย

1. แมวจะไม่ทักทายกันโดยการสัมผัสทางจมูก

          สาเหตุที่แมวที่ไม่รู้จักกันจะไม่ทักทายกันด้วยการเอาจมูกมาสัมผัสกัน นั่นก็เพราะ จมูก เป็นอวัยวะที่ติดเชื้อง่ายที่สุด เว้นเสียแต่ว่า แมวที่คุ้นกันอยู่แล้วแต่มีเหตุต้องจากกันไปสักช่วงหนึ่ง เมื่อพวกมันกลับมาพบกัน มันก็จะเอาจมูกมาสัมผัสกัน เพื่อจะช่วยให้จำได้ อีกทั้งแมวตัวหนึ่งจะรู้ได้ว่า แมวที่หายไปนั้น ไปที่ไหน ไปทำอะไรมานั่นเอง

2. บางครั้งเสียงครางของแมวบ่งบอกว่ามันกำลังป่วย

          ส่วนใหญ่แล้ว เรามักได้ยินเสียงครางของแมว ตอนที่มันกำลังรู้สึกสบาย หรือพอใจกับอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม บางครั้งเสียงครางที่มากเกินไปก็บ่งบอกได้ว่า พวกมันกำลังบาดเจ็บอยู่นะ ถ้าคุณลองฟังดี ๆ คุณก็สามารถแยกเสียงได้ว่า ตอนไหนมันกำลังสบาย หรือตอนไหนมันกำลังบาดเจ็บอยู่

3. แมวเริ่มส่งเสียงครางเมื่ออายุได้ 1 สัปดาห์

          เจ้าเหมียวน้อยทั้งหลายจะเริ่มส่งเสียงครางได้ เมื่อมันอายุได้ 1 สัปดาห์ และถ้าเราลองฟังเสียงครางของพวกมัน เราจะรู้สึกได้ว่า มันครางสม่ำเสมอและเป็นจังหวะด้วย นั่นก็เพราะพวกมันสามารถส่งเสียงครางได้สองทาง คือ ทั้งขณะหายใจเข้า และหายใจออกนั่นเอง

4. เสียงครางของแมวบอกช่วงอายุได้

          แมวที่อายุยังน้อย จะครางได้เสียงเดียว ไม่มีเสียงสูง-เสียงต่ำ อะไรทั้งนั้น  ในขณะที่แมวอายุมากขึ้น จะสามารถครางได้หลายสุ้มเสียง เสียงทุ้มบ้าง แหลมบ้าง ก้องบ้าง แตกต่างกันไปตามอารมณ์ของมัน

5. เสียงครางของแมว เกิดขึ้นมาได้ยังไงนะ?

          จนถึงทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่รู้แน่ชัดถึงที่มาของเสียงครางครืด ๆ ในลำคอของเจ้าเหมียวว่ามันมาจากอวัยวะส่วนไหน แม้ว่าบางคนจะเชื่อว่า มันเกิดขึ้นในระบบหัวใจและหลอดเลือด มากกว่าที่จะเกิดขึ้นในลำคอก็ตาม แต่ปัจจุบันก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้







6. แมวเลือกเสียงครางเวลาจะเล่นกับเจ้าของ

          เวลาที่เจ้าเหมียวอยากจะส่งเสียงครางออดอ้อน ออเซาะ คลอเคลียกับเจ้าของ มันจะใช้โทนเสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ เหมือนกับมันยังเป็นลูกแมวอยู่ แต่ถ้าพวกมันเล่นกับแมวด้วยกันเอง มันจะใช้โทนเสียงผู้ใหญ่นี่แหละ เพราะไม่ต้องไปออดอ้อนใครล่ะมั้ง

7. ช็อกโกแลต ของอันตรายสำหรับแมว

          ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินช็อกโกแลต ก็ขอให้เก็บช็อกโกแลตไว้ให้พ้นสายตาหรือจมูกของเจ้าเหมียวให้ดี เพราะช็อกโกแลตที่แสนอร่อยของเรานั้น กลับเป็นอันตรายต่อแมว เพราะเมื่อแมวกินช็อกโกแลตจะทำให้มันป่วยหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

8. แมวชอบงีบมากกว่านอนยาว

          ถ้าใครที่เลี้ยงแมว คงจะรู้ว่า แมวนั้นขี้เซาจริง ๆ เล่นกันอยู่ซักประเดี๋ยว หันไปอีกที มันก็แวบไปหาที่นอน แต่ความจริงแล้ว มันไปงีบต่างหากล่ะ เพราะแมวชอบงีบมากกว่านอนหลับไปเลย แต่ถ้ามันไปนอนหลับจริง ๆ และหลับลึกพอแล้วล่ะก็ มันก็จะฝัน เพราะการฝันช่วยให้มันผ่อนคลายความรู้สึกตื่นเต้นหรือตกใจกับเหตุการณ์ที่ มันพบเจอมาในวันนั้นนั่นเอง

9. แมวไม่ชอบสบตาใคร

          พฤติกรรมอย่างหนึ่งของแมวที่คุณอาจจะยังไม่รู้ ก็คือ แมวจะกระพริบตาและหรี่ตาก็เมื่อมันต้องมีเหตุให้สบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างเช่น เวลามันเจอแมวที่ไม่รู้จักกัน แต่บังเอิญหันมาสบตากันเป๊ะ มันก็จะหรี่ตาแล้วก็หันไปทางอื่น หรือแม้กระทั่ง ถ้าคุณลองจ้องตามัน มันก็จะกระพริบตา หรี่ตา และก็เบือนหน้าไปทางอื่น อ่ะ.. ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปทำจ้องตามันดูนะ

10. จังหวะการเต้นของหัวใจน้องเหมียว

          โดยเฉลี่ยแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจของแมวจะอยู่ที่ประมาณ 160-240 ครั้งต่อนาที แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตของมันด้วย ซึ่งยิ่งมันมีอายุน้อยเท่าไหร่ อัตราการเต้นของหัวใจมันก็จะเร็วกว่าแมวที่มีอายุมากแล้ว

11. แมวไม่เข้าใจว่ามันกำลังถูกทำโทษ!

          บางทีเจ้าเหมียวที่คุณเลี้ยงน่ะ ก็ดื้อซะเหลือเกิน ฝนเล็บที่โซฟาตัวโปรดของคุณบ้างล่ะ วิ่งเล่นชนข้าวของกระจายบ้างล่ะ แต่ถึงแม้คุณจะตี จะทำโทษมันซักเท่าไหร่ มันก็ไม่เข้าใจหรอกนะ ดังนั้น ควรเปลี่ยนมาชมมันหรือให้รางวัลมันเวลามันทำตัวดี แทนการตีมัน น่าจะดีกว่านะ

12. เคี้ยวเนื้อดิบเสริมสร้างสุขภาพฟัน

          คุณรู้หรือไม่ว่า การให้เนื้อดิบ ๆ แก่เจ้าเหมียวไปแทะ ไปเคี้ยวเล่นทุกวัน เป็นการช่วยรักษาสุขภาพเหงือกและฟันให้อยู่ในสภาพดีเสมอนะจะบอกให้ เนื้อที่เหมาะแก่การเคี้ยวของเจ้าเหมียวนั้น ควรเป็นเนื้อสัตว์ปีก เนื้อวัว หรือเนื้อกระต่าย แต่อย่าลืมเอากระดูกออกให้หมดก่อนโยนให้มันล่ะ เพราะแมวไม่ใช่หมานะจ๊ะที่จะชอบแทะกระดูกน่ะ

13. แมวทนร้อนได้ดีจัง เพราะอะไรกันนะ?

          ถ้าคุณเคยตั้งข้อสงสัยว่า แมวของคุณทำไมถึงทนร้อนได้ดีเหลือเกิน โปรดจงรู้ไว้ว่า นั่นก็เพราะบรรพบรุษของแมวเมื่อครั้งก่อนนู้นเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเล ทรายมาโดยกำเนิดนั่นเอง

          เป็นอย่างไรกันบ้างคะ อ่านกันมาจนครบทั้ง 13 ข้อแล้ว คงจะพอช่วยให้คุณ ๆ ผู้เลี้ยงแมวทั้งหลายได้ทราบเรื่องราวของเจ้าเหมียวแสนซนได้มากขึ้น นอกจากตัวคุณเองจะแฮปปี้ขึ้นแล้ว เจ้าเหมียวก็คงแฮปปี้ขึ้นไม่น้อยที่เจ้าของเข้าใจมันมากขึ้นเช่นกันจ้า


 

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

บุญโต เขาใหญ่ (Boonto Khao Yai)






ร้านบุญโต เขาใหญ่ Coffee 
อยู่ในร้านต้นไม้บุญโตนะจ๊ะ
ที่เห็นเป็นภาพเก่าแล้วแหละค่ะ





กำลังคิดสูตรๆ ใหม่อยู่ว่าจะทำอะไรดี
ตอนนี้มีวาฟเฟิล ธรรมดา 
วาฟเฟิล ชาเขียว
วาฟเฟิล ช็อกโกแล็ด
ถ้าสนใจ แวะมาทานได้นะค่ะ


โรคท้องอืด หรืออาหารไม่ย่อย (dyspepsia)

หลังจากเมื่อวาน
มีอาการท้องอืดจนนอนไม่หลับ
สภาพที่เห็นคือหน้ามืดลุกไม่ได้
ต้องนอนหรือนั่งอย่างเดียวห้ามลุก
ถ้าลุกจะมีอาการเดินเซ

มีอาการคลื่นไส้ ปวดหัว ปวดท้อง
หนาวๆ ร้อนๆ เหมือนจะไม่สบาย
อาการหน้ามืด กับ หนาวๆ ร้อนๆ
น่าจะมาจากนอนไม่พอ


ส่วนอาการท้องอื
หรืออาหารไม่ย่อยน่าจะ
เป็นอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง
เบื่ออาหาร เรอทั้งวัน

โรคท้องอืด หรืออาหารไม่ย่อย
    โรคท้องอืด ท้องเฟ้อ หรืออาหารไม่ย่อย (dyspepsia) เป็นอีกโรคหนึ่งที่พบได้บ่อย
เป็นอาการผิดปกติของท้องหรือลำไส้ มักมีอาการบริเวณตรงกลางของท้องด้านบน อยู่ระหว่างใต้ลิ้นปี่และเหนือสะดือ

ตัวอย่างอาการของโรคท้องอืด ได้แก่ ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง มีการบีบรัดของลำไส้

ท้องหลามตึงๆ อืดๆ มีลม หรือแก๊สในกระเพาะอาหาร เรอเหม็นเปรี้ยว และอาจมีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกเหนือลิ้นปี่
 และบางรายอาจมีคลื่นไส้ อาเจียน อิ่มเร็วร่วมด้วยผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอาการร่วมกันก็ได้


    สาเหตุของโรคท้องอืด
    สาเหตุส่วนใหญ่ของโรคท้องอืดเกิดจากอาหารหรือพฤติกรรมการกิน เป็นสำคัญ
รองลงมาคือโรคของระบบทางเดินอาหาร ยาบางชนิด แอลกอฮอล์ กาเฟอีน บุหรี่ เป็นต้น

* โรคท้องอืดกับการกินอาหาร

    อาหารที่คนเรากินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของชาติ ถ้าไม่ถูกสุขลักษณะอนามัยที่ดี
ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดขึ้นได้ เริ่มตั้งแต่ชนิดของอาหาร
(เพราะอาหารบางชนิดทำให้ท้องอืด แต่บางชนิดก็ไม่ก่อให้เกิด) พฤติกรรมการกินอาหาร การกินลม เป็นต้น

    ชนิดของอาหาร
    “ชนิดของอาหาร” มีผลต่อท้องอืดโดยตรง เพราะอาหารบางชนิดก่อให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ขณะที่อีกหลายชนิดไม่เป็นปัญหาท้องอืด ตัวอย่างอาหารที่ทำให้เกิดท้องอืด ได้แก่
* อาหารที่มีไขมันสูง เช่น แกงกะทิ ช็อกโกแลต เนย นม (โดยเฉพาะคนเอเชียที่ไม่เคยกินนมมานาน)
* อาหารรสจัด ไม่ว่าจะเปรี้ยวจัด หรือเผ็ดจัด
* อาหารที่ย่อยได้ยาก เช่น เนื้อสัตว์ กากใยอาหารบางชนิด



        * พฤติกรรม หรืออุปนิสัย ลักษณะการกินอาหาร

“พฤติกรรม หรืออุปนิสัย ลักษณะการกินอาหาร” ก็มีส่วนทำให้เกิดท้องอืดได้
เช่น เร่งรีบกินอาหาร เคี้ยวไม่ละเอียด กินอาหารผิดเวลา กินอาหารจนอิ่มมากเกินไป
หรือการล้มตัวลงนอนหลังจากกินอาหารเสร็จใหม่ๆ ล้วนเป็นลักษณะการกินอาหารที่ไม่ดี ทำให้เกิดท้องอืดได้

    การกินลม
    “การกินลม” (คนละความหมายของการนั่งรถ…กินลม…ชมวิว)
หมายถึงการกลืนลมเข้าไปทางปาก และ ไหลลงไปในท้อง ทำให้กระเพาะอาหารมีแก๊สจำนวนมากเกิดท้องอืดได้
    ตัวอย่างการกินหรือกลืนลม ได้แก่ การพูดมากๆ (ลมเข้าปาก) การเคี้ยวหมากฝรั่ง การดูดลูกอม
การดูดนม ของเหลว หรือน้ำผ่านหลอดเล็กๆ การดื่มน้ำจากขวดปากแคบ เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้กระเพาะอาหารมีลม หรือแก๊สมากขึ้นได้ทั้งสิ้น และ ทำให้ท้องอืดตามมาได้

        * ท้องอืดจากโรคของระบบทางเดินอาหาร
    โรคของระบบทางเดินอาหารหลายชนิดก็ทำให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย เช่น แผลกระเพาะอาหาร
กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับเข้าไปในหลอดอาหาร (Gastro-esophageal Reflux Disease GERD)
กระเพาะอาหารอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร นิ่วถุงน้ำดี เป็นต้น

        * ท้องอืดจากยาบางชนิด แอลกอฮอล์ กาเฟอีน และบุหรี่
    ยาที่เป็นสาเหตุโรคท้องอืดพบได้บ่อย คือยาลดการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือ เรียกตามชื่อย่อว่าเอ็นเสด
เป็นยาที่มีฤทธิ์แก้อักเสบชนิดที่ไม่มีการติดเชื้อซึ่งมักใช้บรรเทาอาการอักเสบข้อ อักเสบกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และไข้
ตัวอย่างยากลุ่มนี้ เช่น แอสไพริน ไดโคลฟีแนก ไพร็อกซีแคม นาโพรซิน อินโดเมทาซิน เป็นต้น
    ยากลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นกรด ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
อาหารไม่ย่อยและถ้าใช้ยากลุ่มนี้ติดต่อกันนานๆ ก็อาจทำให้เกิดแผลกระเพาะอาหารได้ จึงขอบอกไว้ ณ ตอนนี้เลยว่า
ถ้าจำเป็นต้องใช้ยา กลุ่มนี้ ก็ควรกินหลังอาหารทันทีและใช้เมื่อจำเป็น หรือเมื่อมีอาการเท่านั้น
ถ้าอาการทุเลาลงมาก หรือหายดีแล้วก็ไม่แนะนำให้ใช้ติดต่อกันโดยไม่จำเป็น เพราะมีผลเสียรุนแรง

นอกจากยาที่ทำให้ท้องอืดได้แล้ว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม โซดา

เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน (กาแฟ ชา) และบุหรี่ ก็ทำให้ท้องอืด และอาหารไม่ย่อยได้


        * การดูแลโรคท้องอืดเบื้องต้นด้วยตนเอง

    จากสาเหตุต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ถ้าพบต้นเหตุและสามารถขจัดหรือหลีกเลี่ยงเสียได้
อาการท้องอืดก็จะทุเลาหรือหายได้ ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษาง่ายๆ ดังนี้


    1. การหลีกเลี่ยงสาเหตุ

    ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ด้วยการรักษาสุขลักษณะ การกินอาหารที่ดี
เริ่มตั้งแต่การเลือกชนิดของอาหารที่ไม่มีปัญหาเรื่องท้องอืด อุปนิสัยการกินอาหาร และหลีกเลี่ยงการกินลม เช่น

* ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารผิดเวลา ด้วยการกินอาหารให้ตรงเวลา


* หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจืด มีไขมันสูงย่อยยาก มีกากใยมากๆ นม เนย และประเภทโปรตีนสูง


* หลีกเลี่ยงการ “รีบกิน” การรีบเร่งกินอาหารหรือเคี้ยวไม่ละเอียด

ด้วยการกินซ้ำๆ พร้อมทั้งเคี้ยวและคลุกเคล้าอาหารให้เข้ากันดี ก่อนกลืนอาหาร

* ไม่ควรกินอาหารจนอิ่มมากเกินไป ควรลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อลง และแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ แต่กินบ่อยๆ แทน


* หลังกินอาหารอิ่มใหม่ๆ ไม่ควรนอนราบทันทีเพราะ การนอนราบ

ส่งผลให้ระดับของกระเพาะอาหารและหลอดอาหารจะอยู่ในระนาบเดียวกันและอาจทำให้กรดไหลจาก
กระเพาะอาหารย้อนกลับเข้าสู่หลอดอาหารได้ เกิดการระคายเคือง และหลอดอาหารอักเสบได้

* หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ น้ำอัดลม โซดา เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน (กาแฟ ชา) และ

“การกินหรือกลืนลมลงท้อง” เช่น การพูดมากๆ การกลืนน้ำลายบ่อยๆ การเคี้ยวหมากฝรั่ง การดูดลูกอมหรือ
อมยิ้ม การดูดนม ของเหลว หรือน้ำผ่านหลอด การดื่มน้ำจากขวดปากแคบ ด้วยการดื่มน้ำจากแก้วแทนการใช้หลอดดูด

* หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่ม NSAIDs (เอ็นเสด) ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ถ้าจำเป็นต้องใช้ยากลุ่มนี้ควรปรึกษาแพทย์


นอกจากนี้ควรรักษาสุขภาวะที่ดี ด้วยการออกกำลังกาย ผ่อนคลายความตึงเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ


    2. ยาขับลม แก้ท้องอืด
ยาที่ใช้รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มีมากมาย เช่น ยาธาตุน้ำแดง ยาธาตุน้ำขาว ยาขับลม ไดเมทิโคน ไซเมทิโคน ก๊าสเนป
ยาลดกรด โซดามิ้นต์ เมโทรโคล พาไมด์ ดอมเพอริโดน เป็นต้น ยาเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ได้ผลดี

    3. สมุนไพรไทย
    สมุนไพรหลายชนิด ซึ่งรวมถึง “ยาหอม” จะช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้ผลดี เช่น
ขิง น้ำขิง ขมิ้นชัน การพลู ชะพลู พริกไทย กะเพรา ดีปลี กระเทียม เปล้าน้อย ลูกกระวาน เกล็ดสะระแหน่ เป็นต้น


        * ท้องอืดร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ
    ถ้าอาการท้องอืดไม่รุนแรง อาการทุเลา หายได้ด้วยเอง หรือจากการดูแลรักษาทั้ง 3 ประการคือ
ปรับอาหารการกิน ยา ยาหอม หรือสมุนไพรที่มีฤทธิ์ขับลม แก้ท้องอืด ก็คงไม่เป็นปัญหา
    รายที่มีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น มีอาการติดต่อกันนานๆ น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ซีด อุจจาระดำ อาเจียน
กลืนอาหารไม่ได้ ตัวเหลือง ตาเหลือง การถ่ายอุจจาระผิดปกติ เหลว หรือแข็งเกินไป ท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ
มีอาการปวดร้าวและรุนแรงไปด้านหลัง ปวดบริเวณชายโครงด้านขวาหรือผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปที่เพิ่งเริ่มมีอาการ
    ถ้ามีอาการเข้าข่ายตามนี้ ควรไปปรึกษาแพทย์เพราะอาจมีโรคอื่นๆ ในช่องท้องอีกหลายโรค นอกเหนือจากท้องอืด
ท้องเฟ้อ ที่จะต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมและทันเวลา มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายได้
เพราะอาการรุนแรงผิดปกติเหล่านี้อาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคผิดปกติของระบบทางเดินอาหารได้
เช่น แผลกระเพาะอาหาร นิ่วถุงน้ำดี มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคลำไส้แปรปรวน เป็นต้น.


     ที่มา.. นิตยสารหมอชาวบ้านปีที่ 28 ฉบับที่ 334 กุมภาพันธ์ 2550
     ที่มา:  สุขกายสบายใจ

ทานผักผลไม้เยอะๆๆเพื่อสุขภาพนะค่ะ

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

การไม่มีโรคเป็นลาบอันประเสริฐ

ภาพประกอบ



เซ็งอะเป้นไข้ก็ยังมะได้พัก
ช่วงนี้ดูแลตัวเองกันบ้างนะค่ะ
ฝนตกบ่อยระวังจะเป็นไข้
เพราะตอนนี้ฉันเป็นไข้
บวกกับพักผ่อนไม่เพียงพอ

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

การจราจรอดีตกาลกับปัจจุบัน

ตลาดหัวรอ (olden Hua Ro Market)


จากภาพซ้ายมือ เป็นตลาดหัวรอ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งอดีตกาล
การจราจรทางน้ำเป็นหลัก

ในภาพมีการฉลองการเปิด
สถานพยาบาลครั้ง รัชกาลที่ ๕
ทำให้มีผู้คนเข้ามากันมากมาย


กรุงเทพ (Bangkok)



 การจราจรในปัจจุบัน
การเดินทางใช้รถเป็นส่วนใหญ่
และรถติดมากๆๆๆๆๆๆ
ตลาดหัวรอปัจจุบัน (Hua Ro Market)

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

ลอยกะทง

 ลอยกระทงปีที่แล้วที่ผ่านมา
ไปลอยที่ตลาดน้ำปากช่อง
กว่าจะทำกระทงเสร็จ
ทำอยู่ครึ่งวัน

กระทงทำจากใบ กนกลาย สวยมาก


ปีนี้ว่าจะลอยสะที่หลังบ้าน
เพราะมีน้ำที่ไหลจากเขาใหญ่
ไหลผ่าน


แต่ไม่ใช่คลองเขาใหญ่จะ
อันนี้คลองเล็ก ๆ แต่พองามจ๊ะ

แต่เวลาฝนตกหนัก ๆ 
น้ำป่ามันแรงมาก
ต้องทำใจมันจะขึ้นมา
เกือบถึงบ้านแนะ
แต่ชอบนะเป็นธรรมชาติดี
ช่วงนี้ฝนตกหนักระหว่างสุขภาพกันด้วยนะค่ะ ติดร่มเวลาไปไหนมาไหนจะดีค่ะ

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

พระราชวังจันเกษม ณ อยุธยา




วันนี้โชคดีแต่เช้าตรู่
ขี่มอไซต์ไปชน น้องสุนัขแต่เช้า
อะ อะ อย่า หาว่าเขาใจร้ายเลยนะ
เพราะมันเช้าเกิดที่จะพูดว่า 
(โชคร้าย หรือ ซวยชะมัดเลย)
เขาขอโทษเขาไม่ได้ตั้งใจนะ



เขาเรื่องดีกว่า 
ภาพที่เห็นเป็นเป็นราชวังจันเกษม
ที่อยู่อยุธยาเมื่อครั้งสมัยก่อน
กับปัจจุบัน

ด้วยความชอบส่วนตัว
อยากจะลองกับไปอยู่ในยุคนั้นดู
คงจะเหมือนทวีภพ
หรือในหนังเวลาย้อนเวลา
อิอิอิ

บุญโตเขาใหญ่ @ วันนี้ฝนไม่ตก

นึกว่าฝนจะตกแต่เช้าฟ้าครึมมาเลย
แต่! กับไม่ตกเลยสักนิดเดียว


พอกลางวันร้อนตับแล่บๆๆเลยแหละ


พอตอนเย็นเหมือนจะตกอีกก็ไม่ตก
ดีแล้วแหละไม่ไงคงจะแย่

ณ วัดอยุธยาแห่งหนึ่ง

ภาพนี้สวยมากชอบมากๆ แต่ไม่รู้ว่าใครถ่ายภาพนี้
อาจเพราะเราชอบสีสันที่มันตัดกันมากก็ได้ รวมถึงบรรยากาศรอบๆ
ที่เป็นเหมือนกับถ่ายตอนฝนตกอะสวยมากๆๆ
by zalim-code.com

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

ปากช่องเขาใหญ่ @ บุญโตเขาใหญ่คอฟฟี่

     วันนี้เป็นวันแรกและเป็นครั้งแรกที่จะเริ่มเขียนบล็อก ฉันอาจจะเขียนไม่เก่งพูดไม่เก่งแต่ฉันก็จะพยายามค่ะ
      ตอนนี้ฉันเปิดร้านกาแฟอยู่ที่ทางขึ้นไปเขาใหญ่ กิโลเมตรที่ 4 ร้านเป็นสีชมpink ดูน่ารักๆ เหมาะกับผู้หญิง ถ้าสนใจเข้าไปที่นี้ได้ค่ะ http://www.facebook.com/BoonToKhaoYaiCoffee