หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กลวิธีคลายเครียด (relaxation)


ความเครียดทางอารมณ์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนไม่มากก็น้อย ความเครียดอาจจะเกิดจากปฏิกิริยาในตัวเราเอง เช่น ปวดท้องอึขณะที่ขับรถติดในชั่วโมงเร่งด่วน หรือความเครียดที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น หุ้นตก สูญเสียเงิน ถูกโกงแชร์ เป็นนายกโดนปฎิวัติ ฯลฯ

ความเครียดขนาดน้อยๆ เป็นเรื่องปกติ ไม่มีปัญหา แต่อาจจะมีประโยชน์ ที่ทำให้เราพยายามเอาชนะมัน ทำให้เรามีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย เช่น เครียดเพราะกลัวสอบเอ็นทรานซ์ไม่ได้ จึงทำให้ขยันเรียน แต่ความเครียดถ้ามีขนาดมาก ก็มีผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ความเครียดอาจจะทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง ทำให้เป็นหวัดง่าย เริมกำเริบ หรือในบางคนอาจจะเกิดโรคจู๋หมดน้ำยา หรือถึงขนาดฆ่าตัวตาย

ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความเครียด แนะนำหลักการลดความเครียดไว้หลายอย่าง ขั้นแรกหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเครียด เขาให้คำนิยามของสาเหตุความเครียดไว้ว่า มันคือภาวะที่บีบคั้น ที่เกินความสามารถของเราที่จะตอบสนองได้ 
ความสามารถในการตอบสนองต่อความเครียด ขึ้นกับพันธุกรรม บุคลิกภาพ ประสบการณ์ของชีวิตของเรา เช่น คนบางคนอาจจะเครียด เมื่อต้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวที แต่บางคนชอบมาก เนื่องจากมีพันธุกรรม หรือบุคลิกของความไม่ขี้อายชอบแสดงออก บางคนเข้าใกล้หมาแล้วเครียดมาก เนื่องจากมีประสบการณ์โดนหมากัดตอนที่ยังเด็ก
สาเหตุของความเครียดหลายอย่าง มันเห็นได้เข้าใจได้เด่นชัด เช่น พ่อหรือแม่เสียชีวิต ลูกไม่สบาย แฟนเลิกร้าง กิ๊กเลิกรา หางานทำ ไม่ได้ ถูกไล่ออกจากงาน หาเงินไม่พอใช้ เป็นหนี้พนันบอล ฯลฯ แต่ความเครียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันก็ไม่ควรมองข้าม เช่น ต้องขับรถฝ่าจราจรไปส่งหรือรับลูกที่โรงเรียนทุกวัน เพื่อนร่วมงานนิสัยไม่ดี คอมฯ มีปัญหาแฮงค์บ่อยทำให้ต้นฉบับหาย น้ำมันราคาแพง ความเครียด เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ถ้าเป็นอยู่นานๆ ก็สามารถสร้างความเสียหาย ให้กับชีวิตร่างกายหรือสุขภาพของเราได้มาก เพราะมันกระตุ้นร่างกายเรา ให้หลั่งฮอร์โมนความเครียดตลอดเวลา ทำให้เกิดโรคขึ้น เช่น ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ แล้วตามมาด้วยอัมพาตอัมพฤกษ์

กลวิธีคลายเครียดที่ผู้รู้แนะนำไว้ และคุณสามารถเลือกเอาไปใช้ได้มีหลายอย่าง คือ
จดบันทึกประจำวัน
จดบันทึกประจำวันสักหนึ่งสัปดาห์ ให้สังเกตดูว่าเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใด ที่เราตอบสนองทางกาย ใจ หรืออารมณ์ในทางลบ และให้จดวันเวลาของเหตุการณ์ไว้ด้วย เขียนบรรยายเหตุการณ์เอาไว้ย่อๆ เราอยู่ในเหตุการณ์ตรงไหน มีใครเกี่ยวข้องบ้าง อะไรเป็นสาเหตุของความเครียด และบรรยายถึงการตอบสนองของเรา ต่อความเครียดนั้นด้วย อาการทางกายของเราเป็นอย่างไร เช่น หัวใจเต้นแรง ใจสั่น เหงื่อแตก ความรู้สึกของเราเป็นอย่างไร เราพูดอะไร หรือทำอะไรลงไปบ้าง เสร็จแล้วให้คะแนนความเครียดของเราจาก 1 ถึง 5 (น้อยไปมาก)
จดบันทึกรายการของสิ่งหรือสถานการณ์ต่างๆ ที่บีบคั้นเราให้ใช้เวลา และพลังงานกับมันในหนึ่งสัปดาห์ว่ามีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น การงานที่เราทำอยู่ งานอาสาสมัคร ขับรถพาลูกไปเรียนพิเศษ ดูแลพ่อหรือแม่ที่แก่เฒ่า เสร็จแล้วให้คะแนนความมากน้อยของความเครียดที่ เราประสบจาก 1 ถึง 5 เหมือนข้างบน
ี้หลังจากนั้น เราก็มานั่งพิจารณาสิ่งที่เราจดบันทึกไว้ พิจารณาสิ่งที่เราคิดว่าทำให้เราเครียดมากๆ แล้วเลือกขึ้นมาอย่างหนึ่ง เพื่อทำการวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคที่ใช้แก้ปัญหาดังนี้

ปรับปรุงทักษะการใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทักษะนี้สามารถทำให้คุณเก่ง ในการแยกแยะเป้าหมาย และให้ความสำคัญก่อนหลังของสิ่งที่เราต้องทำ ซึ่งจะช่วยลดความเครียดในชีวิตได้ ให้ใช้ทักษะต่างๆ ดังต่อไปนี้ช่วยลด ความเครียด
สร้างความคาดหมายที่เป็นไปได้จริง และขีดเส้นตายให้กับงานที่เราจะทำ และทำการตรวจสอบความก้าวหน้าเป็นประจำ
จัดระเบียบบนโต๊ะทำงาน กำจัดกระดาษที่ไม่มีความสลักสำคัญ โดยการโยนมันทิ้งไป
เขียนรายการแม่บทของสิ่งที่เราต้องทำก่อนหลังประจำวันแล้วทำตามนั้น
ตลอดทั้งวันที่ทำงานหมั่นเช็ครายการ แม่บทที่เราทำไว้ ว่าเราได้ทำเสร็จไปตามลำดับก่อนหลังที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า
หัดใช้สมุดนัดที่เขาเรียกว่าแพลนเนอร์ เพื่อจดบันทึกสิ่งที่เราวางแผนจะทำล่วงหน้า เป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นปี หรือเขียนรายการแม่บทตามที่กล่าวข้างบนนั้น เป็นรายการที่ต้องทำก่อน-หลังประจำวัน ลงบนแพลนเนอร์ด้วย แล้วทำไปตามนั้น และทำการประเมินผลประจำวัน จะเกิดผลดี ไม่เกิดความยุ่งยาก สับสน ผิดนัด ใช้แพลนเนอร์เก็บเบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ของคนสำคัญหรือลูกค้า เพื่อความสะดวกใน การค้นหาติดต่อ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ผิดพลาดเสียเวลาน้อยลง มีเวลาทำงาน อย่างอื่นหรือรื่นเริงมากขึ้น
สำหรับการทำงานหรือโครงการที่มีความสำคัญมาก ให้กันเวลาที่ห้ามใครมารบกวนไว้ต่างหาก เพื่อการทำงานที่ต่อเนื่องและเป็น ความลับ
หลีกเลี่ยงความเบื่อหน่ายหมดไฟในการทำงาน

ถ้าคุณมีความรู้สึกหมดไฟ ไม่อยากทำงาน หรือเครียดมากเป็นเวลานานเป็นสัปดาห์ ความรู้สึกนี้จะมีผลต่อความสัมพันธ์ในทางอาชีพ และในชีวิตส่วนตัวหรือในการทำมาหากินของคุณได้

ความอัดอั้นตันใจที่มากล้น ความรู้สึกเมินเฉยต่อการงาน ความหงุดหงิดรำคาญใจเป็นเวลายาวนาน ความขุนเคืองใจ และมีความโน้มเอียงที่จะโต้เถียงเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้ เป็นตัวชี้บ่งถึงอาการหมดไฟในการทำงาน ซึ่งจำเป็นต้อง ได้รับการจัดการเยียวยาให้มันดีขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเขาแนะนำกลยุทธในการต่อสู้ดังนี้
ดูแลตัวเองให้สุขภาพดี กินอาหารให้ครบห้าหมู่ กินให้ครบทุกมื้อรวมทั้งอาหารเช้า กินในขนาดที่พอประมาณ (ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม) นอนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอให้พอเหมาะ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ร่างกายของท่านแข็งแรง สามารถสู้กับความเครียดทางกายและใจได้ดี
สร้างสัมพันธไมตรีกับเพื่อนในที่ทำงานและนอกที่ทำงาน หาเพื่อนสนิทที่เราสามารถบ่นเรื่องคับข้องใจ ปรับทุกข์เรื่องการงานให้ฟังได้ ทำให้มีหนทางในการแก้ปัญหา ที่ก่อความเครียดของเราได้ หลีกเลี่ยงการคบค้ากับคนที่เรามีความรู้สึกไม่ดี คนไม่จริงใจ ไม่เป็นกัลยาณมิตร เพราะจะยิ่งจะตอกย้ำความรู้สึกย่ำแย่ให้มากขึ้น ในมงคลสูตรก็กล่าวไว้ให้คบคนดี หลีกหนีคนพาล มองหากัลยาณมิตร
รู้จักลาพักผ่อน ลาพักร้อน วาเคชั่น บางคนอาจจะลาไปปฏิบัติธรรมฝึกวิปัสสนากรรมฐาน หรือปลีกวิเวก สำหรับคนที่ทำได้ มันจะทำให้คลายเครียดลงได้มาก แน่นอน และสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ลาได้ไม่มาก ก็อาจจะมีการเบรคพักคลายเครียดชั่วครู่ในเวลาทำงาน ก็จะช่วยได้บ้าง
ในบางกรณีจำเป็นต้องฝึกการปฏิเสธ หัด “Say No” กับเพื่อนที่มาชวนไปทำโน่นทำนี้ ที่ทำให้เราเครียด เช่น เป็นสาวเป็นแส้เที่ยวแร่ไปตามที่อโคจร ไปนั่งตามผับตามบาร์ ดื่มเหล้าสูบยาซึ่งเป็นท่าทีเชิญชวนให้ หนุ่มเหน้าเข้ามาโอภาปราศรัยอยากได้ปลื้ม
หัดยับยั้งชั่งใจไม่โต้เถียงกับใครๆ โดยไม่เลือก พยายามใจเย็น มีสติ สัมปชัญญะ เถียงเฉพาะเรื่องที่มีความสลักสำคัญจริง (ไม่ใช่เรื่องทักษิณออกไป) แต่ที่ดีที่สุดคือหุบปากไม่เถียงกับใครเลย ทุกครั้งที่เถียงกัน จะมีการหลั่งของฮอร์โมนความเครียด ความดันเลือดพุ่งขึ้นทุกที
ทางออกของความเครียดที่ควรหัดมีไว้คือ การอ่านหนังสือที่เราชอบ ทำงานอดิเรกที่เรารัก ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาที่เราสนุก ทำให้รู้สึกชื่นมื่นเพราะเอนดอร์ฟิน (สารสร้างสุข) หลั่งออกมา
ถ้าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่มีผลดีต่อคุณ ก็จำเป็นต้องหาที่พึ่ง เช่น เข้าหาปรึกษาพระที่เราเคารพนับถือ เอาธรรมะเข้าข่ม หรือใช้มืออาชีพอย่างนักจิตวิทยา หรือให้จิตแพทย์ช่วยก็จะดีที่สุด อย่าลืมว่าความเครียดอาจจะทำให้ถึงตายได้ อย่าปล่อยให้มันเรื้อรังนะครับ 



แหล่งข้อมูล : นิตยสาร - HealthToday

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สมุนไพร 3 มะ ชื่อที่หลายคนไม่รู้จัก Unbeknown herbs



          ปัจจุบัน กระแสเรื่องการใช้สมุนไพรเป็นทางเลือกในการรักษาอาการเจ็บไข้กำลังเป็นที่ กล่าวขานในกลุ่มคนรักสุขภาพ  เนื่องจากสมุนไพรแต่ละชนิดจะมีสรรพคุณทางยาที่แตกต่างกันและที่สำคัญบางชนิด สามารถหาซื้อได้ง่าย  ราคาไม่แพง  เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใดหนำซ้ำยังช่วยให้สุขภาพ ดีขึ้นเรื่อยๆ  แต่ปัจจุบันสมุนไพรบางชนิดที่มีสรรพคุณทางยาค่อนข้างดีและส่วนมากเป็นพืชใน ท้องถิ่นกำลังจะเลือนหายไป  เนื่องจากผลมีรูปร่างแปลก  ชื่อก็เรียกยาก  ไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าไหร่  ด้วยเหตุนี้เราจึงขอแนะนำสมุนไพรไทยที่มีชื่อขึ้นต้นด้วย “มะ….” ทั้ง 3 ชนิด  ที่มีชื่อแปลกแต่เปี่ยมไปด้วยสรรพคุณที่โดดเด่น  อันได้แก่  มะเกลือ  มะตาด  และมะแข่น 



มะเกลือ
มะเกลือ (Ebony Tree)
    มะเกลือ มี ชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไปแต่ละพื้นที่  อาทิ  มะเกีย  เกลือ  หมักเกลือ  เป็นต้น  มะเกลือเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่  ใบเป็นรูปไข่  ปลายใบแหลม  ออกดอกเป็นช่อสีเหลืออมเขียว  ผลค่อนข้างกลมมีสีเขียวแต่เมื่อแก่จะเป็นสีดำ  ยางของผลมะเกลือจะนิยมนำมาใช้เป็นสีย้อมผ้า  ผลมะเกลือมีฤทธิ์ใช้ขับถ่ายพยาธิ  โดยผลดิบสดจะใช้ได้ดีกับพยาธิปากขอและพยาธิเส้นด้าย  โดยใช้ผลสีเขียวแก่ไม่ช้ำไม่ดำจำนวนไม่เกิน 25 ผล  นำมาโขลกพอแหลกผสมกับหัวกะทิคั้นสด  ดื่มก่อนรับประทานอาหารเช้า  ถ้าครบ 3  ช.ม. ยังไม่ถ่ายให้ใช้ยาระบายช่วยอีกแรง  แต่สำหรับในเด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ปีและสตรีมีครรภ์ห้ามใช้ยานี้โดยเด็ดขาด  



มะตาด
มะตาด (Elephant  Apple)
    มะตาด หรือ ที่รู้จักกันในชื่อท้องถิ่นว่า แอปเปิ้ลน้ำ  แอปเปิ้ลช้าง  เป็นไม้ที่พบมากในแถบภาคใต้ของประเทศไทย  เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางและขนาดใหญ่  เป็นไม้พลัดใบ  มีผลคล้ายๆกับแอปเปิ้ลกึ่งฟักทอง    ซึ่งจากการวิจัยหารสาระสำคัญทางเภสัชวิทยาพบว่าผลมะตาดที่แก้จัดมีรสเปรี้ยว นั้นจะพบสารในกลุ่มของ anthraquinone,betulin  เป็นต้น  มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย  รักษาอาการหวัด  เป็นยาระบายอ่อนๆ  แก้อาการปวดท้อง  ส่วนผลสุกจะมีรสชาติที่หวานอมเปรี้ยวใช้รักษาอาการไอ  ขับเสมหะ  ใบและเปลือกตามลำต้นจะมีรสฝาดสามารถนำมาต้มและใช้เป็นยาแก้ท้องเสียได้



มะแข่น
มะแข่น
    มะแข่น หรือ มะแขว่น  จัดเป็นพืชเศรษฐกิจพื้นเมืองของชาวเหนือ  โดยเฉพาะจังหวัดน่าน    ซึ่งการใช้ประโยชน์จากมะแข่นจะอยู่ในรูปของเครื่องเทศ  แต่งกลิ่นอาหาร  เช่น  ลาบ  ก้อย  และแกงพื้นบ้านเกือบทุกประเภท  ใบอ่อนสามารถรับประทานสดได้  ในเรื่องของสรรพคุณทางยานั้นผลใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ  บำรุงโลหิต  บำรุงธาตุ   ช่วยเจริญอาหาร  แก้อาการวิงเวียนศีรษะ    บางคนก็บอกว่ามีกลิ่นหอมแต่สำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนจะต้องพูดเป็น เสียงเดียวกันว่า ฉุนบ้าง  เหม็นบ้าง  แต่สรรพคุณทางยานั้นก็ด้อยไปกว่ากลิ่นที่เผ็ดร้อนเลยที่เดียว
    "คำกล่าวที่หลายคนมักได้ยินกันมานานแสนนานคือ “การไม่มีโรคย่อมเป็นลาภอันประเสริฐ”  เป็นสิ่งที่หลายคนพึงปรารถนา  แต่ทั้งนี้จะต้องมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เป็นประโยชน์  เลือกรับประทานสิ่งที่เหมาะสมกับร่างกายที่รับได้  ทั้งนี้สมุนไพรก็จัดเป็นตัวเลือกที่ดีอีกแขนงหนึ่ง  ที่หากรับประทานติดต่อกันแล้วจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้เป็น อย่างดี  ลดการเกิดโรคได้เช่นกัน  แต่ทั้งนี้สมุนไพรควรมาจากแหล่งที่สะอาด  ปราศจากการใช้สารเคมี  มีวิธีการเก็บเกี่ยวและช่วงเวลาที่ถูกต้องเหมาะสม  มีการแปรรูปเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค  แต่สิ่งที่พึงระวังคือในระยะแรกๆควรทดลองรับประทานก่อน  หากไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายแต่อย่างใดให้เดินหน้าบริโภคต่อได้ทันที"

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:เอกสารคำแนะนำสมุนไพรน่ารู้  โดยกลุ่มส่งเสริมการผลิตสมุนไพร  กรมส่งเสริมการเกษตร

ขอขอบคุณภาพจาก : http://th.wikipedia.org 
                                http://www.bloggang.com/
                                http://www.openbase.in.th/node/10065
                                http://www.baanpud.net/

วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แบบห้องน้ำเจ้าหญิง กับ ผ้าม่านแสนสวย beautiful bathroom

ตกแต่งห้องน้ำสไตล์คลาสสิก  สง่างามน่าหลงไหล


“Wowwwwwwwwwwwwwwwwww………..”  เมื่อได้เห็นแบบห้องน้ำห้องนี้แล้ว อาจจะมีหลายๆคนอุทานคำนี้ออกมายาวๆเช่นเดียวกับแอดมิน ห้องน้ำอะไรช่างงดงามอ่อนหวานขนาดนี้ อย่างกับห้องน้ำเจ้าหญิงหรือห้องน้ำในฝันกันเลยทีเดียว ถ้าที่บ้านได้ทำห้องน้ำแบบนี้สักห้องแล้วละก็ วันๆหนึ่งแอดมินคงจะไม่ได้ทำอะไร เพราะต้องมัวแต่ถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้ชื่นชมห้องน้ำอยู่ทั้งวันอย่างแน่นอน สวยตั้งแต่ประตูห้องที่ทั้งหรูทั้งสง่างาม อ่างอาบน้ำแบบลอยตัววางอยู่หน้าผนังที่บุด้วยกระเบื้องโมเสค เปล่งประกายระยิบระยับเมื่อต้องแสง มุมอาบน้ำฝักบัวก็สวยไม่น้อยหน้าแม้จะอยู่ในมุมขนาดเล็กก็ตาม โต๊ะเครื่องแป้งจัดวางไว้ริมหน้าต่าง ผ้าม่านสีชมพูแสนหวาน โคมไฟติดเพดานอย่างหรู เป็นห้องน้ำที่สามารถทำให้แอดมินใจละลายได้โดยไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว


อยากจะบอกว่าไม่กล้าอาบกลัวมันจะเลอะ อิอิอิ



ออกแบบตกแต่ง :111ewwa








สูตรธรรมชาติซ่อมท้องเสีย (Diarrhea)



โดยทั่วไป อาการท้องเสีย หรือท้องร่วง (diarrhoea) มักจะเกิดขึ้นหลังจากการกินอาหารรสจัด หรือมีเชื้อโรคปนเปื้อน
ในบางรายอาจเกิดจากการกินยาบางชนิด เช่น ยาถ่าย ยาระบาย ยาลดกรด หรือยาปฏิชีวนะบางชนิด เป็นต้น
ทำให้ลำไส้ใหญ่เกิดอาการอักเสบ ปกติมักหายได้เองภายใน 1-2 วัน หากเป็นนานกว่านี้อาจเป็นอันตรายได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเกิดขึ้นในเด็กเล็ก คนแก่ และคนที่สุขภาพไม่แข็งแรง เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ
อาการท้องเสีย แบ่งออกเป็นชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง ซึ่งท้องเสียชนิดเฉียบพลันมักเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย
หรือไวรัสในอาหาร ผู้ป่วยจะถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำสีเหลือง หรือขาวเป็นฟอง และถ่ายมากกว่าวันละ 3 ครั้ง
ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีกลิ่นก็ได้

ถ้ามีอาการปวดท้องร่วมด้วย อาจเกิดจากภาวะลำไส้บีบตัวมาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณอันตรายแสดงถึงโรคร้ายแรง
เช่นกระเพาะลำไส้อักเสบ บิด ไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้ใหญ่อักเสบ และโรคในช่องท้องอื่นๆ เป็นต้น
กินอยู่อย่างไรเมื่อท้องเสีย
เมื่อมีอาการท้องเสีย คนส่วนใหญ่มักจะกินยาแก้ท้องเสีย ซึ่งความจริงแล้วไม่มีประโยชน์ในการรักษาแต่อย่างใด
เพราะยาแก้ท้องเสีย จำพวกยาที่ทำให้หยุดถ่าย อาจมีผลข้างเคียงทำให้ท้องอืด หรืออาการแทรกซ้อนอื่นๆ ได้
ทางที่ดีควรรอให้ร่างกายถ่ายเพื่อขับเชื้อ หรือสารพิษออกมาจนหมด อาการก็จะทุเลาไปเอง
แต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปแล้วยังไม่หาย เรามีวิธีดูแลตัวเองอย่างง่ายมาฝากค่ะ
1.
ดื่มน้ำสะอาด หรือดื่มน้ำเกลือแร่ น้ำหวาน เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป
2.
การดื่มนมเปรี้ยวที่มีแล็กโตบาซิลลัสผสมอยู่ จะช่วยฟื้นฟูแบคทีเรียที่ทำหน้าที่ปกป้องลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะหากแบคทีเรียเหล่านั้นตายไปเพราะมีการติดเชื้อ
3.
ควรงดอาหาร 24 ชั่วโมง ระหว่างนั้น ควรดื่มแต่น้ำข้าวต้มผสมเกลือเล็กน้อยทุกๆ 15-30 นาที เมื่ออาการทุเลาลง จึงกินอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก เป็นต้น นอกจากนี้ยังไม่ควรดื่มนม และควรงดผักผลไม้ชั่วคราว หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารย่อยยาก จนกว่าอาการท้องเสียจะดีขึ้น
4.
เมื่ออาการดีขึ้นแล้วจึงค่อยๆ เริ่มกินอาหารแข็ง เช่น ผักนึ่ง กล้วย ไข่ต้ม ข้าวกล้องสวยที่หุงค่อนข้างแฉะ ซึ่งอาหารแบบนี้เหมาะสำหรับเด็กด้วย แต่ควรบดอาหารให้ละเอียดก่อน จนกระทั่งอาการดีขึ้นมากจึงกลับไปกินตามปกติ
สูตรน้ำดื่มเพิ่มเรี่ยวแรง
ทั้งสองสูตรนี้ใช้ดื่มเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปค่ะ
สูตรน้ำข้าว นำน้ำแช่ข้าวสาร 1 แก้ว เกลือป่นประมาณ 1 ช้อนชา และน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกัน แล้วใช้ดื่มได้ทันที
สูตรน้ำเกลือแร่ นำน้ำต้มสุก 1 ขวดกลมใหญ่ (ประมาณ 750 มิลลิลิตร) น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่น 1/2 ช้อนชา ผสมกันเพื่อดื่ม
บรรเทาท้องเสียด้วยสมุนไพร
ฝรั่ง ใช้ยอดอ่อนของฝรั่งประมาณ 10-15 ใบ ปิ้งไฟให้กรอบ ต้มกับน้ำสะอาด หรือใช้วิธีชงกับน้ำร้อน แล้วดื่มเป็นชาสมุนไพร หรือใช้ผลอ่อนของฝรั่งเคี้ยวสดๆ รสฝาดของฝรั่งจะช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้
ฟ้าทะลายโจร นำใบฟ้าทะลายโจรสด ล้างให้สะอาด แล้วผึ่งลมให้แห้ง (ควรผึ่งในร่มที่มีอากาศโปร่ง ห้ามตากแดด) บดเป็นผงให้ละเอียด ปั้นกับน้ำผึ้ง เก็บไว้ในขวดที่แห้งให้มิดชิด กินครั้งละ 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
กล้วยน้ำว้า กินกล้วยน้ำว้าห่ามครั้งละ 1/2-1 ผล หรือนำกล้วยน้ำว้าดิบฝานเป็นแว่นตากแดดให้แห้ง บดเป็นผง ชงกับน้ำดื่มครั้งละ 1/2-1 ผล หรือบดผลดิบให้ละเอียด ปั้นเป็นยาลูกกลอน กินครั้งละ 4 เม็ด ก่อนอาหาร และก่อนนอน
ทับทิม นำใบหรือเปลือกของผลแห้งมาต้มกับน้ำสะอาด ถ้าได้รสฝาดลิ้นถือว่าใช้ได้ (ส่วนปริมาณแล้วแต่ความเหมาะสมของอาการแต่ละคน) ดื่มเรื่อยๆ จนอาการดีขึ้น
น้ำมันหอมฟื้นฟูร่างกาย
เรามีสูตรฟื้นฟูสภาพร่างกาย หลังสูญเสียน้ำจากการถ่ายท้องมาแนะนำ ทำแล้วรับรองสบายทั้งกาย และใจ
1.
นวดหน้าท้องด้วยน้ำมันหอม หยดน้ำมันหอมระเหยของลาเวนเดอร์ จูนิเปอร์ แซนดัลวูด คาโมไมล์ หรือเจอเรเนียมอย่างใดอย่างหนึ่ง เหยาะลงในน้ำมันหรือโลชั่นประมาณ 3-4 หยด เพื่อนวดหน้าท้องวันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าท้องคลายตัว และช่วยลดการบีบรัดตัวของลำไส้ได้
2.
อาบน้ำคลายเครียด หยดน้ำมันหอมผสมน้ำอาบประมาณ 6-8 หยด กลิ่นของน้ำมันหอมจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้น
ในทางจิตวิทยาระบุว่า น้ำมันหอมมีคุณสมบัติในการคลายเครียดของระบบประสาท การคลายเกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ร
วมทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้องให้มีการบีบรัดตัวน้อยลง อีกทั้งยังคลายการบีบตัวของลำไส้จากการท้องเสียได้ทางอ้อมอีกด้วย




ขอสุดท้ายนี้ขอให้รู้ไว้ว่าน้ำข้าวก็สามารถช่วยอาการท้องเสียได้นะค่ะ ^_^ 

แหล่งข้อมูล : www.cheewajit.com

ผลงานวนาสวรรค์

ผ้าม่าน

               พอดีเพิ่งจะไปติดผ้าม่านที่เขาใหญ่มา ในหมู่บ้านวนาสวรรค์ส่งงานได้สักพักเลยเอามาให้ดูค่ะ

เป็นผ้าม่านทูโทนสองสี สวยมาลูกค้าเลือกมาสองสีเราก็ค่อยแนะนำว่าสีไหนจะเข้ากับสีน้ำตาลสีหลักที่

เขาเลือก

           

               ก่อนสั่งเทียบสีผ้าให้ลูกค้าดูหลายสีมาก กว่าจะได้ผ้าที่ต้องการก็เล่นเอาเหนื่อยไปเหมือนกัน

แต่ผลงานออกมาถือว่าเป็นที่หน้าพอใจค่ะ





                  สายรวบม่านทำให้สองสีค่ะด้านนอกจะเป็นสีเดียวกับผ้าลายค่ะ สวนด้านในจะเป็นดีน้ำตาลสี

เดียวกับด้านบนค่ะ



                 ติดตั้งเสร้จส่งงานเรียบร้อยค่ะ ............................. ^_^